บทนำ

กฎการเก็งกำไรซูริค (Zurich Axiom) เป็นคำศัพท์ที่ใช้โดยกลุ่มคนสวิสที่ทำการเก็งกำไรในถนนวอลล์สตรีทในช่วงต้นและหวังว่าจะร่ำรวยจากมัน มันรวมถึงชุดกฎที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องซึ่งสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้ลงทุนหรือผู้เก็งกำไร (การเก็งกำไรและการลงทุนเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้นคำว่าเก็งกำไรและการลงทุนจะถูกใช้แบบสลับกัน) ในการเล่นเงินและควบคุมความเสี่ยงในเกมนี้ สิ่งที่ต้องระวังคือ มันไม่ใช่กฎที่บอกให้คุณหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เพราะการลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยงใช่ไหม? โดยการใช้กฎเหล่านี้ในการตรวจสอบความสำเร็จและความล้มเหลวของตนเอง คุณอาจจะสามารถเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในวันนี้

กฎที่ 1: ความรู้สึกทางการเงิน

หากคุณไม่รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการเก็งกำไรที่ทำอยู่ ความเสี่ยงที่คุณกำลังเผชิญอาจจะไม่เพียงพอ ประโยคนี้หมายความว่าคุณควรมีเงินลงทุนจำนวนมาก และอย่าหลงเชื่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่พูดเกี่ยวกับการ "ลงทุนโดยใช้เงินที่ไม่ใช้แล้ว" แน่นอนปัญหาคือจำนวนเงินเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ เราขอให้คุณลองคิดในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณนำเงินที่เรียกว่าเงินเก็บ 100,000 บาทมาลงทุนในตลาด Forex ปีนี้คุณจะได้กำไรเท่าไหร่? กำไร 1-2 เท่าจะทำให้คุณร่ำรวยขึ้นได้จริงหรือ? ต้องพูดตรงๆ ว่าการเก็งกำไรด้วยเงินน้อยไม่มีทางทำให้คุณรวยได้ คุณคิดว่าอย่างไร? แต่กฎนี้ไม่ได้บอกให้คุณลงทุนมากจนเกินไป แต่ต้องชี้ให้เห็นว่าเงินทุนในการเก็งกำไรต้องมากพอที่จะทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลและนี่คือวงเงินลงทุนที่เหมาะสมหรือเพียงพอ แน่นอนว่าทุกคนมีระดับความวิตกกังวลที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจำนวนเงินในการเก็งกำไรจึงแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล

กฎที่ 2: ทำกำไรก่อนเวลา

กฎนี้บอกให้คุณควบคุมความโลภของตนเอง เมื่อทำการเทรด Forex ความโลภจะปรากฏขึ้นเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนยังคงเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างต่อเนื่อง และไม่กล้าที่จะปิดการทำกำไร เพราะกลัวว่าจะเสียใจ นั่นหมายความว่ากลัวหลังจากที่ได้ปิดการซื้อขาย อัตราแลกเปลี่ยนจะยังคงขึ้นหรือลงจริงๆ ทุกคนมีประสบการณ์นี้อยู่บ่อยครั้ง บางครั้งมันทำให้คุณรู้สึกเสียใจจนไม่สามารถหลับได้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม วอลล์สตรีทมักมีคำพูดที่ว่า “เมื่อปิดออร์เดอร์แล้ว อย่าถามว่าราคาจะขึ้นหรือลง” วิธีการที่นักลงทุนที่มีประสบการณ์ใช้คือ การเข้าไปในตลาดแล้วอยู่ในนั้นสักระยะหนึ่ง ไม่ว่าจะมีกำไรหรือขาดทุน เมื่อถึงจุดที่คิดว่าควรจะจบ ก็ให้บังคับตัวเองให้จบ ซึ่งทำให้ตัวเองสามารถพักผ่อนอย่างสบาย ไม่ต้องสนใจตลาด Forex ต่อไป ตามสถิติ ช่วงเวลานี้จะอยู่ระหว่าง 1-2 สัปดาห์จนถึง 1-2 เดือน

กฎที่ 3: เมื่อเรือเริ่มจม อย่าขอพร รีบออกมา

เมื่อแนวโน้มของตลาดแลกเปลี่ยนแย่ลง คุณต้องหลุดออกทันที หยุดการสูญเสีย ไม่ให้ตัวเองติดหล่ม ในการลงทุนคุณต้องเอาชนะอุปสรรคทางจิตใจ ไม่ใช่แค่กลัวเมื่อปิดออร์เดอร์แล้วจะมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว อุปสรรคทางจิตใจอีกสองข้อคือ ไม่ต้องการรับการสูญเสียเล็กน้อย และคาดหวังว่าจะมีการฟื้นตัวของตลาดแลกเปลี่ยนอย่างไม่ยอมรับว่าตนเองผิด นี่คือสิ่งที่เป็นปกติมากในการซื้อขาย ตลาดไม่แน่นอน ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับการขาดทุนเล็กน้อย และพยายามหาทางกลับมาให้ได้ นักลงทุนวอลล์สตรีทกล่าวว่า โอกาสที่จะสร้างกำไรหรือขาดทุนในตลาดการเงินนั้นอยู่ที่ 50/50 ขอให้คุณควบคุมให้การสูญเสียน้อยที่สุด และหาทางสร้างรายได้มากที่สุด

กฎที่ 4: พฤติกรรมมนุษย์ไม่สามารถคาดเดาได้

อย่าเชื่อใครที่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ นักวิเคราะห์หรือนักธุรกิจมักจะไปพูดถึงและคาดการณ์แนวโน้มของตลาดแลกเปลี่ยนและการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนแต่นักลงทุนทั่วไปมักไม่ค่อยตรวจสอบความถูกต้องของการคาดการณ์เหล่านั้น เทคนิคที่ดีที่สุดในการตรวจสอบความแม่นยำคือการทำตามที่พวกเขาพูดแล้วดูว่าประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด แน่นอนไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าบางคำทำนายแม่นยำ แต่ก็ไม่รับประกันว่าคุณจะสร้างรายได้อย่างแน่นอน

กฎที่ 5: ความวุ่นวายไม่เป็นอันตราย การเชื่อกฎมีอันตราย

กล่าวง่ายๆ ว่าการเคลื่อนไหวของเครื่องมือการเงินไม่เคยมีรูปแบบ ดังนั้นจึงไม่มีสูตรที่รับประกันกำไรได้อย่างแน่นอน การเชื่อมั่นในสูตรหรือเทคนิคใดๆ อย่างมากมักจะไม่ประสบผลสำเร็จในระยะยาว การเชื่อว่ามีรูปแบบในตลาดแลกเปลี่ยนนั้นเป็นการสมมุติว่าอดีตจะซ้ำรอย ทุกคนมักศึกษาสาเหตุที่ทำให้ราคาขึ้นหรือลง และคาดหวังว่าหากเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดซ้ำ แนวโน้มก็จะเคลื่อนไหวตาม อาจจะถามตัวเองว่า ทำไมคนฉลาดจำนวนมากใช้เวลาหลายสิบปีในการศึกษาแต่ไม่รวยเลย?

กฎที่ 6: อย่าให้เงินของคุณติดอยู่กับเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่ง

คุณต้องรักษาความยืดหยุ่น เพราะถ้าเงินติดอยู่กับเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่ง ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องสูญเสียจะสูงมาก การให้เงินของคุณติดอยู่จะทำให้คุณพลาดโอกาสในการลงทุนในโครงการที่ทำกำไรได้สูงกว่า โดยทั่วไปแล้ว คนที่ชอบเครื่องมือเก็งกำไรมักไม่ประสบความสำเร็จ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการให้ความสำคัญกับเครื่องมือที่ไม่มีอนาคต ถ้าคุณรู้สึกว่ามีโอกาสใหม่ที่น่าสนใจอยู่ให้ควรปล่อยเงินออกจากการลงทุนที่ไม่มีอนาคต

กฎที่ 7: ความรู้สึกหรือสัญชาตญาณที่สามารถอธิบายได้จะเป็นพื้นฐานในการเก็งกำไร

กฎนี้เชื่อว่าสัญชาตญาณอาจเป็นแนวทางที่มีประโยชน์ในขณะเก็งกำไร อย่าลืมว่าบางครั้งอาจดูเหมือนโง่เขลา เมื่อสัญชาตญาณหรือความรู้สึกเกิดขึ้น คุณอาจลองคิดถึงแหล่งที่มาของมัน ถ้าคุณเคยมีความสนใจหรือศึกษาเครื่องมือบางอย่างในเวลาปกติก่อนหน้านี้ก็อาจจะเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของคุณ อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าจะถูกเสมอไป

กฎที่ 8: การเชื่อว่าการขึ้นลงในตลาดแลกเปลี่ยนเกิดจากพลังเหนือธรรมชาติ

กฎนี้บอกว่าห้ามเชื่อการทำนายที่มีสีสันลึกลับ นักลงทุนมักมีทัศนคติว่า "เชื่อในสิ่งที่มี แต่ไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่มี" หากการทำนายของเหล่านี้ถูกแล้ว พวกเขาก็จะร่ำรวยไปนานแล้ว อย่าปล่อยให้ตัวเองหลงใหลในผลลัพธ์ของการถามเรื่องลึกลับ

กฎที่ 9: การคาดหวังว่าทุกอย่างจะดีที่สุดคือการมองโลกในแง่ดี

คนมักได้รับคำชมเมื่อมีความมองโลกในแง่ดี แต่ในโลกการเงินนั้น ความมองโลกในแง่ดีเกินไปไม่ทำให้คุณได้กำไร ในช่วงเวลาที่ทุกคนรู้สึกมีความหวัง อย่าลืมคิดให้ถี่ถ้วนว่าคุณจะจัดการกับสถานการณ์เมื่อมันแย่ลงอย่างไร

กฎที่ 10: อย่าตามกระแสประชาชน พวกเขาก็ผิดพลาดได้

คนที่มีทัศนคติแบบนี้มักจะถูกมองว่าหลงตัวเอง ในโลกการเงิน การมีความมั่นใจไม่ใช่ข้อบกพร่อง แต่เมื่อความคิดเห็นของคุณแตกต่างจากผู้คนทั่วไป คุณจะเจอกับความกดดัน

กฎที่ 11: เมื่อคุณล้มเหลว อย่าท้อใจ คืนสู่การสูญเสียและเริ่มต้นใหม่

กล่าวง่ายๆ ว่าต้องมีความมุ่งมั่น นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายคนในวอลล์สตรีทเคยล้มละลายหลายครั้ง แต่พวกเขายังคงยืนหยัด พยายามเรียนรู้และปรับเปลี่ยนตัวเอง จนกระทั่งประสบผลสำเร็จ

กฎที่ 12: แผนระยะยาวทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาควบคุมอนาคตได้ทั้งหมด

สิ่งที่คุณต้องการจริงๆ คือแผนที่ต้องยึดเงินเป็นหัวใจสำคัญ ต้องหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะยาว ให้กล้าเสี่ยงเมื่อเห็นโอกาสที่ดี แต่ถ้าสถานการณ์แย่ให้ถอนตัว ท้ายที่สุดคือรู้ว่าจะร่ำรวยในซักวันแน่นอน