คำตอบที่คุณอาจนึกถึงคือ นักการเงินที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดในวอลล์สตรีท หรือซีอีโอของบริษัทใหญ่ๆ อย่าง เฮนรี ม. พอลสัน ประธานกรรมการเก่าของโกลด์แมน แซคส์ ที่มีรายได้คำพูดราวๆ 38.3 ล้านดอลลาร์ พูดง่ายๆ คือตัวเลขรวมจากเงินเดือนและออปชั่นหุ้นไม่ถึง 100 ล้านดอลลาร์ หรือ ซีอีโอของบริษัทในรายการ Fortune 500? หากเป็นเช่นนั้น ริชาร์ด แฟร์แบงค์ ประธานบริษัท Capital One Financial Corp. ก็เคยรายงานในปีที่แล้วว่ามีรายได้ถึง 250 ล้านดอลลาร์
ตามรายงานของนิตยสาร Institutional Investor’s Alpha ผู้มีรายได้สูงที่สุดในปี 2005 คือ เจมส์ เอช. ซิมอนส์ ประธานบริษัท Renaissance Technologies Corp. ซึ่งมีรายได้สูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ซอโรสซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับโลกกลับมาอยู่อันดับที่สามด้วยรายได้ 840 ล้านดอลลาร์
อาจจะมีคนไม่คุ้นชื่อซิมอนส์แม้กระทั่งในกลุ่มผู้ที่ทำงานในตลาดการเงิน แม้ว่าเขาจะทำงานแบบเงียบๆ และไม่เป็นที่รู้จักดี แต่ซิมอนส์ถือเป็นหนึ่งในนักบริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกทั้งในแง่ของอัตราผลตอบแทนรวมและผลตอบแทนสุทธิ
ในวัย 68 ปี ซิมอนส์เคยเป็นนักคณิตศาสตร์ในมหาวิทยาลัยและร่วมสร้างสรรค์ทฤษฎีทางเรขาคณิตที่สำคัญกับนักคณิตศาสตร์เชื้อสายจีนเช่น เฉิน เซิ่งเซิน จากนั้นในปี 1982 เขาก่อตั้งบริษัท Renaissance Technologies และในปี 1988 ได้เริ่มกองทุนเรือธงชื่อ Medallion Fund
ซิมอนส์ผ่านช่วงวิกฤตต่างๆ เช่น วิกฤตพันธบัตรรัสเซียในปี 1998 และวิกฤตการตลาดหุ้นเทคโนโลยีในปี 2001 ขณะที่นักบริหารกองทุนหลายคนล้มเหลว แต่กองทุน Medallion Fund กลับมีผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ยถึง 34% ต่อปี โดยตั้งแต่ปี 1988 ถึงเดือนธันวาคม 1999 กองทุนนี้มีผลตอบแทนสุทธิถึง 2,478.6% สูงสุดในช่วงเวลาเดียวกัน
ค่าธรรมเนียมที่ Renaissance Technologies เรียกเก็บสูงมาก สัดส่วนของค่าธรรมเนียมการจัดการอยู่ที่ 5% และผลกำไรที่ 44% ซึ่งส่งผลให้ซิมอนส์มีรายได้สูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
ซิมอนส์สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่านักลงทุนระดับตำนานอย่าง บรูซ โควเนอร์ และจอร์จ ซอโรส โดยดูจากอัตราผลตอบแทนซึ่งสูงขึ้นถึง 10% ในแวดวงกองทุนเฮดจ์ฟันด์
ซิมอนส์เกิดในเมืองนิวตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เขาเป็นลูกชายของเจ้าของโรงงานผลิตรองเท้า ตั้งแต่วัยเด็กเขาได้ตั้งเป้าหมายเป็นนักคณิตศาสตร์ หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมในนิวตัน เขาได้เข้าเรียนที่ MIT และใช้เวลาเพียงสามปีเพื่อจบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านคณิตศาสตร์
ในปี 1961 ซิมอนส์เริ่มลงทุนใน Columbia Tile and Pipe Company ร่วมกับเพื่อนจาก MIT แม้ว่าเขาจะลองซื้อขายหุ้นที่ Berkeley แต่ผลลัพธ์ไม่ค่อยดีเท่าไร
ในปี 1964 เขาได้ย้ายออกจากมหาวิทยาลัยไปทำงานในหน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลกำไรของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ซึ่งทำให้เขาต้องเผชิญกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสงครามเวียดนามจนเกิดการตัดสินใจที่สำคัญในชีวิต
ซิมอนส์กลับมาในสาขาการศึกษาเป็นหัวหน้าภาควิชาคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Stony Brook ในรัฐนิวยอร์ก และในปี 1974 ได้เผยแพร่บทความร่วมกับเฉิน เซิ่งเซินซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับทั้งคู่
ในปี 1978 เขาย้ายออกจากการสอนในมหาวิทยาลัยเพื่อเริ่มกองทุนการลงทุนส่วนตัว โดยเน้นการวิเคราะห์พื้นฐานและจ่ายเงินให้กับสัญญาทางการเงินต่างๆ
ในปี 1988 เขาก่อตั้ง Medallion Fund ซึ่งในช่วงเริ่มต้นเน้นการซื้อขายฟิวเจอร์ส โดยกองทุนนี้ประสบผลกำไรในปีแรก แต่ในปีถัดมาพบกับการสูญเสีย ซึ่งนำไปสู่นโยบายการซื้อขายใหม่ในภายหลัง
กองทุนเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพื่อค้นหาความสัมพันธ์ทางสถิติในการคาดการณ์ที่แม่นยำ โดยเฉพาะการซื้อขายในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของตลาด
หลังจากเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงแรก ๆ กองทุนเริ่มจำกัดการรับเงินทุนใหม่และตั้งเป้าควบคุมการขยายงานจนถึงปัจจุบัน ทั้งจำนวนพนักงานและประเภทผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย
ในทีมของ Renaissance Technologies พนักงานหนึ่งในสามมีปริญญาเอกด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติในด้านต่างๆ ทำให้เป็นไปได้ที่บริษัทจะสามารถครองตำแหน่งที่สูงในอุตสาหกรรมการเงิน
ซิมอนส์ยังคงมีอิทธิพลอย่างมากในวงการการเงิน และเรื่องราวของเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนและนักวิจัยทั่วโลก
2024-11-13
สัมภาษณ์พิเศษกับเหลียงซีอาง ว่าด้วยการลงทุนในตลาดทองและเงิน รวมถึงมุมมอง เกี่ยวกับการทำกำไรจากตลาดนี้
การลงทุนตลาดหุ้นตลาดเงินการวิเคราะห์ตลาดสัมภาษณ์พิเศษกำไรจากการลงทุน
2024-11-13
แบ่งปันประสบการณ์จากปีนี้กับเพื่อนที่ยืนหยัดในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา จัดการกับความท้าทาย และความสำเร็จในโลกการเงิน
การเทรด Forexตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราประสบการณ์การเทรดหุ้นนักลงทุน
2024-11-13
รายงานการลงทุนของเทรดเดอร์ที่ทำกำไรจากการทำ Short ทองคำและการวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการทองคำในตลาดโลก
ทองคำการลงทุนตลาดทองคำการค้าสินค้าโภคภัณฑ์กองทุนป้องกันความเสี่ยง
2024-11-13
บทความนี้เกี่ยวกับประสบการณ์ของนักลงทุนที่เริ่มต้นจากแพทย์บัณฑิตและประสบความสำเร็จในตลาด Forex ด้วยระบบการซื้อขายอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นเอง
การลงทุนการซื้อขายเงินตราต่างประเทศความสำเร็จในการลงทุนการบริหารความเสี่ยง
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
เรื่องที่น่ารู้
cmatthai คือเว็บไซต์ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin และ Dogecoin รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตอย่างรวดเร็วทันทุกการเคลื่อนไหวในตลาดเหล่านี้
เราไม่สนับสนุนการชักชวนให้เทรดหรือระดมทุนในทุกกรณี เราเป็นเพียงสื่อกลางที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เท่านั้น
**การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินทุกชนิดมีความเสี่ยง นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรควรทำความเข้าใจก่อนที่จะเข้าซื้อขายสินทรัพย์นั้นๆ**
ข้อมูลลิขสิทธิ์และนโยบายการใช้งานของ cmatthai
ติดต่อทางอีเมล: [email protected]
ติดต่อเพิ่มเติมทาง Line:
Copyright 2024 cmatthai © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอกข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
เรามีนโยบายในการนำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง ข้อมูลทั้งหมดที่นำเสนอไม่มีเจตนาในการชักชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำในการลงทุน
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น