ชีวิตและผลงานของบิล ลิปชุทซ์

บิล ลิปชุทซ์ในวัยเพียง 36 ปี เป็นหัวหน้าฝ่ายแลกเปลี่ยนเงินตราในบริษัทโซโลมอน บราเธอร์สและมีประสบการณ์ในตำแหน่งนี้เกือบ 10 ปี ช่วยให้บริษัททำกำไรได้มากถึงห้าถึงหกพันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเขาเป็นที่รู้จักในวอลล์สตรีทว่าเป็น "สุลต่านแห่งฟอเร็กซ์" เขามีสัญญาซื้อขายที่มีมูลค่าสูงมาก โดยปกติแล้วเขาจะเข้าซื้อหลายร้อยล้านดอลลาร์และบางครั้งถึงหลายพันล้านดอลลาร์

การเติบโตในอาชีพ

ด้วยผลสำเร็จของเขาและพลังทางการเงินของบริษัทโซโลมอน ฝ่ายแลกเปลี่ยนที่เขาดูแลมีวงเงินสินเชื่อรวมมากถึง 80,000 ล้านดอลลาร์จากธนาคารทั่วโลก และทำกำไรจากตลาดฟอเร็กซ์ได้จำนวนมหาศาลในแต่ละปี เริ่มต้นเขาเองไม่รู้จักตลาดฟอเร็กซ์เลยแม้แต่น้อย โดยไม่มีใครแนะนำ เขาใช้ชื่อเสียงและอำนาจของบริษัทในวอลล์สตรีทในการเปิดเส้นทางใหม่ในไม่กี่ปี

การศึกษาและการเริ่มต้นอาชีพ

ลิปชุทซ์เดิมเรียนสถาปัตยกรรมแต่ในระหว่างเรียนปริญญาโทเขาเริ่มสนใจในตัวเลือกหุ้น ตอนนี้เขาเลือกเรียนปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ และเมื่อจบออกมาก็ได้เข้าร่วมงานกับบริษัทโซโลมอน บริษัทนี้มีระบบการบริหารที่ดี โดยมักจะเลือกบุคคลที่มีความสามารถในแวดวงต่างๆ

เริ่มทำงานในฟอเร็กซ์

ในปี 1982 ตลาดฟอเร็กซ์ที่ฟิลาเดลเฟียเริ่มมีการซื้อขายตัวเลือกเงินตราใหม่ ขณะนั้นฝ่ายแลกเปลี่ยนมีเพียงลิปชุทซ์คนเดียวที่มีประสบการณ์ด้านตัวเลือก เขาจึงถูกแต่งตั้งให้รับผิดชอบในธุรกิจนี้ ยูนิตของเขาเปิดตัวเพื่อสร้างเครือข่าย โดยเขาเชื่อว่าการทำฟอเร็กซ์มีความจำเป็นต้องมีข้อมูลและข่าวสารต่างๆ ผู้ที่ทำเงินมหาศาลในอุตสาหกรรมนี้คือคนที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินรวมถึงข่าวสำคัญที่มาถึงเร็ว

การจัดการกับข่าวสารและการวิเคราะห์ตลาด

ข้อมูลที่มีการเผยแพร่สู่สาธารณะมีความสำคัญ แต่ความสามารถในการวิเคราะห์เฉพาะเจาะจงต้องมีความยืดหยุ่น และมองการตอบสนองของตลาดเป็นสิ่งสำคัญ ลิปชุทซ์กล่าวว่าการรวมตัวของเยอรมันเป็นตัวอย่างที่บ่งบอกว่าเหตุการณ์ดีๆ สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างไร เมื่อมีข่าวว่าวอลล์สตรีทคาดหวังการรวมประเทศ ตลาดก็เริ่มส่งผลต่อค่าเงินมาร์คก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลง จากที่เคยมีมุมมองหนึ่งจนกระทั่งข่าวสารใหม่ๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความเข้าใจในการลงทุนในยุโรปตะวันออก

การจัดการความสัมพันธ์และการตัดสินใจด้านการซื้อขาย

และยังมีตัวอย่างจากการจัดการความสัมพันธ์ในการทำธุรกิจของเขา เขาไม่เคยใจดีเมื่อมีคู่แข่งส่งใบเสนอราคาผิดก่อน แต่มีข้อยกเว้น เมื่อเขาพบว่ามีเจ้าหน้าที่ซื้อขายเสนอราคาที่ต่ำกว่าตลาดอยู่ 100 จุด เขาซื้อไป 50 สัญญาเพื่อตามด้วยการระบุต่อว่าเขาจะซื้ออีก 950 สัญญา แม้จะมีการเสนอราคาเป็นเวลานานเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณผิด นักเขียนสุดท้ายตัดสินใจช่วยเฟ้นหาผลประโยชน์ในระยะยาว

การประสบความสำเร็จและบทเรียน

เขามีประสบการณ์การค้าขายครั้งสำคัญในเดือนกันยายน ปี 1985 โดยมีการประชุมผู้นำจาก 7 ประเทศที่นำไปสู่การอ่อนค่าของดอลลาร์ ส่วนตัวเขานั้นอยู่ที่เกาะซาร์ดิเนียในอิตาลีและไม่มีข้อมูลใดๆ เลยขณะนั้น เขาจึงโทรศัพท์ไปยังบริษัทและได้ยินข่าว นำไปสู่การขายเงินในตลาดนิวซีแลนด์และทำกำไรได้ 5 ล้านดอลลาร์ในวันนั้น

การวิเคราะห์ตลาดและการเรียนรู้จากความผิดพลาด

ในปี 1988 เขาเกือบจะประสบปัญหาครั้งใหญ่ ขณะที่ตลาดฟอเร็กซ์ดูเหมือนจะเงียบสงบ สถานการณ์กลับพลิกผันเมื่อมีข่าวจากโซเวียตว่าผู้นำโกลบาชอฟพูดถึงการลดอาวุธ ตลาดตีความว่าสหรัฐฯ อาจตามมา ส่งผลให้ดอลลาร์มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และโซโลมอนมีออร์เดอร์ขายมูลค่าถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ในมือ

การควบคุมความเสี่ยงในธุรกิจฟอเร็กซ์

ลิปชุทซ์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการควบคุมความเสี่ยงในตลาดฟอเร็กซ์ และเขายังมีบัญชีส่วนตัวที่เป็นมรดกของย่าของเขา มูลค่า 12,000 ดอลลาร์ ซึ่งเขาสามารถทำกำไรได้ 250,000 ดอลลาร์ภายใน 4 ปีแต่กลับสูญเสียทั้งหมดไปในครั้งเดียว ข้อผิดพลาดนั้นช่วยให้เขาเข้าใจถึงความสำคัญของการควบคุมความเสี่ยง

ความเข้าใจในตลาดสถาบันการเงิน

เกี่ยวกับตลาดของสถาบันการเงิน ลิปชุทซ์มีมุมมองที่โดดเด่น เขามองว่าธนาคารมีรายได้จากการเก็งกำไร และซิตี้แบงก์มีการลงทุนในฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จ โดยมีกำไรประมาณ 3-4 ร้อยล้านดอลลาร์ต่อปี หากทำการทายผลกำไรซึ่งไม่ได้ลงทุนโดยตรงก็อาจทำให้ได้ 6 ร้อยล้านดอลลาร์ แต่ธนาคารไม่ได้ยืนยันจำนวนนี้ ในตลาดโดยทั่วไปมีวิธีการทำกำไรเพิ่มเติมที่สามารถเกิดขึ้นได้

ปัจจัยความสำเร็จในตลาดฟอเร็กซ์

ลิปชุทซ์เชื่อว่านักเทรดที่เก่งจะต้องทั้งฉลาดและขยัน โดยเฉพาะในฟอเร็กซ์ที่ต้องพึ่งพาความสามารถควบคู่ไปกับการทำงานหนัก โดยกลยุทธ์การซื้อขายในตลาด เพื่อคาดการณ์ราคาให้ถูกต้องมีความมีระเบียบและมีประสิทธิภาพ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถเสี่ยงกับการทำผิดพลาดเพียงเพราะความฝันอย่างเดียว