การเทรดฟอเร็กซ์กับการเทรดหุ้นแตกต่างกัน

เสี่ยวจางหลังจากความล้มเหลวในการแข่งขันฟอเร็กซ์ครั้งก่อน เขาไม่ได้ถูกความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวทำให้หมดกำลังใจ แต่ได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติและเริ่มใหม่ เพราะเขารู้สึกว่าตลาดฟอเร็กซ์คือหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดและน่าตื่นเต้นที่สุดในโลก ซึ่งจะนำมาซึ่งโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

จิตใจที่ปรับเปลี่ยนหลังจากความล้มเหลว

สวัสดีครับ ผมคือเสี่ยวจาง หลังจากที่สูญเสียในการแข่งขันฟอเร็กซ์ครั้งนั้น ผมรู้สึกห่อเหี่ยวและรู้สึกเสียใจในใจ แต่อย่างไรก็ตาม ในโลกนี้ไม่มียาแก้ผิดพลาดให้เรากิน ดังนั้นควรปรับเปลี่ยนทัศนคติและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง บางคนอาจจะถามผมว่า ถ้าตลาดฟอเร็กซ์มีความเสี่ยงมากมาย ทำไมถึงยังจะลงทุน? ผมคิดว่า สำหรับคู่เงินยูโร/ดอลลาร์อเมริกา อัตราแลกเปลี่ยนยังคงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลง 1.0% ในแต่ละวันนั้นเกิดขึ้นบ่อยมาก

การลงทุนด้วยอัตราทด

ในการเทรดแบบมาร์จิ้น เมื่อคุณทำการลงทุนด้วยอัตราทด 1:100 การเปลี่ยนแปลง 1.0% อาจเปลี่ยนเป็นกำไร 100% ภายในวันเดียว หรือแม้ในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่นาที! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมเทรดคู่เงินปอนด์/เยน ซึ่งเป็นคู่เงินที่มีความผันผวนมากที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์ เพราะปอนด์เป็นสกุลเงินที่มีมูลค่าสูงสุด ในขณะที่เยนมีมูลค่าต่ำ ดังนั้นคู่เงินนี้จึงมีการผันผวนอย่างรุนแรง บางครั้งถึงสองถึงสามเท่าของยูโร/ดอลลาร์

การเปิดโอกาสในตลาดที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนั้น ตลาดฟอเร็กซ์ยังเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงที่ตลาดหุ้นปิด พวกเรายังสามารถเทรดฟอเร็กซ์ที่บ้านได้ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้สามารถทำเงินได้จากทั้งการเทรดหุ้นและฟอเร็กซ์ในเวลาเดียวกัน ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ทุกสัปดาห์ผมจะไปร่วมการสัมมนาฟอเร็กซ์ที่บริษัทจัดขึ้น ซึ่งทำให้สามารถเรียนรู้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเทรดฟอเร็กซ์จากนักวิเคราะห์ เพราะผมมีประสบการณ์การเทรดหุ้นบางอย่าง อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคจากหุ้นก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในฟอเร็กซ์ได้เช่นกัน

การเรียนรู้จากประสบการณ์แรก

ในขั้นต้น ผมคิดว่าการเทรดฟอเร็กซ์และการเทรดหุ้นไม่ต่างกันมากนัก เพียงแต่ว่ามีวิธีการทำกำไรในการขายชอร์ตเพิ่มเติมเข้าไป ดังนั้นจึงไม่ได้คิดมาก และไม่ได้พิจารณาถึงการจัดการเงินที่ขยายใหญ่ขึ้นมากนัก แต่นำเอาวิธีการจากหุ้นมาพยายามเสี่ยงดวงในการเทรดฟอเร็กซ์

เริ่มต้นการเทรดฟอเร็กซ์

ในช่วงแรกผมทำการเทรดในแพลตฟอร์มจำลอง และหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ผมจึงเริ่มทำการเทรดจริง ผมจำได้ชัดเจน เพราะตอนนั้นมีเวลาว่างในการทำงาน จึงสามารถสั่งซื้อในช่วงเวลาตลาดเอเชียครั้งแรกที่ผมทำคือการซื้อสัญญาซื้อขายดอลลาร์/เยนในราคา 120.30 จำนวน 3 สัญญา โดยสุดท้ายได้กำไรมากกว่า 2,000 หยวน ถือว่าห้องเริ่มมีโชคดี” หลังจากนั้นได้ยินผู้เก่งกาจพูดว่าการเทรดยูโรนั้นปลอดภัยกว่าผมจึงทำการขายยูโร/ดอลลาร์ในตอนบ่าย ผลลัพธ์ได้กำไร 40 จุด

ความสำเร็จสร้างความมั่นใจ

ผลกำไรในวันนั้นเกือบจะเท่ากับเงินเดือนเกือบครึ่งเดือนของผม ทำให้รู้สึกมีความสุขมาก ความสำเร็จสองครั้งนี้ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้นว่าการเทรดฟอเร็กซ์นั้น ควรจะต้องมีการลงทุนเพื่อทำกำไรที่งดงาม ผมคิดทุกอย่างง่ายเกินไปจริงๆ ความซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงในตลาดที่แท้จริงนั้นเป็นสิ่งที่ผมในตอนนั้นยังไม่สามารถรับรู้ได้

การเรียนรู้จากความผิดพลาด

ในสัปดาห์ที่สองของการเทรด ผมประสบปัญหาจากการตามราคาที่สูงโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ ซึ่งได้แก่คืนวันนั้น ผมเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนยูโรขยับขึ้น แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ชัดเจน ผมไม่สามารถต้านทานใจตัวเองได้ในราคา 1.3670 จึงทำการซื้อลงไป เมื่อเข้าทำการเทรด ราคาก็ไปในทิศทางที่ผมตั้งใจ แต่เมื่อผมกลับไปที่คอมพิวเตอร์พร้อมกับกาแฟในมือก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด! ยูโรกลับมาลดลงถึง 60 จุดแต่ผมยังมีความหวังว่าจะขึ้นอีกหลังจากเปิดตลาดในนิวยอร์ก

การทำความเข้าใจในตลาดฟอเร็กซ์

ในทางปฏิบัติแล้ว ราคายูโรก็ไม่เป็นไปตามที่ผมคาดหวัง เมื่อตอนที่ผมกลับถึงบ้าน ราคายูโรก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสุดท้ายส่งผลให้ผมประสบกับการสูญเสียอย่างหนัก วันนั้นผมรู้สึกอึดอัดหัวใจ ด้วยความมั่นใจที่เริ่มต้นหายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้คิดทบทวนเกี่ยวกับกระบวนการเทรดฟอเร็กซ์ของตัวเองในสองสัปดาห์นั้น ซ้ำยังอดใจไม่ได้ที่คิดถึงคำกล่าวโบราณที่ว่า “ความอ่อนน้อมทำให้คนก้าวหน้า ความหยิ่งยโสทำให้คนถอยหลัง” ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าความสำเร็จแรกเริ่มของผมเกิดจากโชคมากกว่า

การตระหนักถึงความเสี่ยง

การเทรดฟอเร็กซ์ก็เหมือนกับการลงทุนประเภทอื่นๆ ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ความแตกต่างระหว่าง "มือใหม่" กับ "มือเก่า" อาจจะอยู่ที่ทัศนคติ เวลาที่ทำกำไรย่อมรู้สึกดีใจ ราวกับลืมตัว แต่อย่างใดเวลาเจอการสูญเสียกลับรู้สึกหมดกำลังใจ ผมและนักลงทุนมือใหม่หลายคนมักพิจารณาแต่ผลกำไรหรือว่าเราจะได้กำไรมากแค่ไหน แทนที่จะพิจารณาถึงความเสี่ยงและการสูญเสียที่สามารถรับได้ จึงส่งผลให้เกิดความมองโลกในแง่ดีเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมประสบความล้มเหลวในครั้งนี้